|

จิตวิทยาการตั้งราคาที่ดึงดูดลูกค้า

       การตั้งราคาสินค้าไม่ใช่แค่การคำนวณต้นทุนบวกกำไรเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับ จิตวิทยา เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าราคานั้นคุ้มค่าและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น บทความนี้จะพาคุณสำรวจเคล็ดลับในการตั้งราคาที่ดึงดูดใจลูกค้า พร้อมตัวอย่างการนำไปใช้ที่ได้ผลจริง

7 เทคนิคจิตวิทยาการตั้งราคาที่ได้ผลจริง

  1. ใช้เลข 9 ปิดท้าย (Charm Pricing)
    • ราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 เช่น 499 บาท มักทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าถูกกว่า แม้ต่างจาก 500 บาทเพียงเล็กน้อย
    • ตัวเลขที่ลงท้ายด้วย 9 ส่งผลต่อความรู้สึกว่ากำลังได้ “ดีลที่คุ้มค่า”
  2. ตั้งราคาแบบไม่สมมาตร (Odd Pricing)
    • การใช้ราคาอย่าง 199 บาท แทนที่จะเป็น 200 บาท ช่วยให้ราคาดู “จับต้องได้” และลดการต่อต้านทางจิตใจ
  3. สร้างตัวเลือกเปรียบเทียบ (Decoy Effect)
    • เสนอราคาหรือแพ็กเกจที่ดึงดูดใจมากขึ้น เช่น
      • แพ็กเกจ A: 100 บาท (สินค้าเล็ก)
      • แพ็กเกจ B: 200 บาท (สินค้าใหญ่กว่าเล็กน้อย)
      • แพ็กเกจ C: 250 บาท (คุ้มค่าที่สุด)
        ลูกค้ามักเลือกแพ็กเกจที่คุ้มค่าแม้จ่ายเพิ่ม เพราะรู้สึกว่าได้ “ส่วนเพิ่ม”
  4. ตั้งราคาที่ดูเหมือนลดราคา (Anchoring)
    • เสนอราคาปกติสูงกว่า แล้วแสดงราคาที่ลดลง เช่น
      • ปกติ 1,000 บาท เหลือ 799 บาท
        วิธีนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังประหยัดเงิน
  5. ใช้แพ็กเกจแบบ Bundle Pricing
    • รวมสินค้าหลายชิ้นไว้ในชุดเดียว เช่น
      • ซื้อ 3 ชิ้น ราคา 500 บาท
    • ลูกค้าจะรู้สึกว่าจ่ายถูกลงเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อแยกชิ้น
  6. การตั้งราคาแบบ Freemium
    • เสนอสินค้า/บริการเวอร์ชันฟรี พร้อมกับตัวเลือกที่จ่ายเงินเพื่ออัปเกรด เช่น แอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์พิเศษในเวอร์ชันเสียเงิน
  7. ราคาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Pricing)
    • ใช้ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น โปรโมชั่นส่วนลดเฉพาะกลุ่มลูกค้า VIP เพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษและเพิ่มโอกาสซื้อ

ตัวอย่างการตั้งราคาที่ประสบความสำเร็จ

  • Apple
    • การตั้งราคา iPhone รุ่นต่าง ๆ มักใช้ Decoy Effect โดยมีรุ่นกลางที่ดูคุ้มค่าที่สุดเป็นตัวเลือกหลัก
  • Starbucks
    • เสนอราคากาแฟขนาดต่าง ๆ โดยขนาดใหญ่สุดมักดู “คุ้มกว่า” หากจ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อย
  • Lazada และ Shopee
    • ใช้เทคนิคการตั้งราคาแบบลดราคาจากราคาปกติ พร้อมข้อความว่า “เหลืออีก X ชิ้น” เพื่อกระตุ้น FOMO (Fear of Missing Out)

ข้อควรระวังในการตั้งราคา

  1. อย่าหลอกลวงลูกค้า
    • การตั้งราคาที่ดูเหมือนลดราคาแต่ไม่ได้ลดจริง อาจทำลายความเชื่อมั่นในระยะยาว
  2. ระวังผลกระทบด้านกำไร
    • การลดราคามากเกินไปอาจกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ
  3. ควรทดลอง A/B Testing
    • ทดสอบกลยุทธ์การตั้งราคาหลายแบบเพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับกลุ่มเป้าหมาย